สถานการณ์จุดความร้อน (Hot Spot) รายวันขอประเทศไทยช่วงต้นเดือนมีนาคม อ้างอิงจากระบบแสดงผลข้อมูลจุดความร้อนจากระบบ NASA FIRMS และ GISTDA แบบอัตโนมัติ เรียกได้ว่าปริมาณจุดความร้อนยังอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง ด้วยจำนวนจุดความร้อนรวมทั่วประเทศ มากกว่า 1,000 จุด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยกึ่งหนึ่งเป็นจุดความร้อนที่ตรวจพบในพื้นที่ภาคเหนือ
ในขณะเดียวกันสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2567 อ้างอิงจากแอปพลิเคชันเช็คฝุ่น พบว่าหลายจังหวัดยังอยู่ในโซนสีส้มถึงสีแดงหรืออยู่ในระดับมีผลต่อสุขภาพ โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทยที่พี่น้องประชาชนยังคงต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กกันต่อไป
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสองเหตุการณ์นี้มีความเกี่ยวพันกันอย่างเป็นเหตุเป็นผลกัน คือพื้นที่ใดเกิดไฟป่าขึ้น บริเวณรอบๆก็มักจะได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก ซึ่งเป็นผลมาจากการเผาไหม้ในปริมาณที่มากเกินกว่าปกติ และสภาพอากาศท้องถิ่นที่ไม่ระบาย เฉกเช่นเดียวกับสถานการณ์จุดความร้อนในปัจจุบันคือพื้นที่ทางภาคเหนือมีจำนวนจุดความร้อนรายวันมากกว่าพื้นที่ในภูมิภาคอื่นๆและเป็นพื้นที่ที่กำลังประสบกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ตามข่าวที่เราได้รับทราบกัน
แต่ทว่าข้อมูลภูมิสารสนเทศทำให้เราเข้าใจภาพรวมเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวมากขึ้น โดยจากข้อมูลสถิติย้อนหลัง 10 ปี เกี่ยวกับค่าเฉลี่ยจำนวนจุดความร้อนและค่าเฉลี่ยปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน วิเคราะห์โดย GISTDA พบว่าในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์นั้น พื้นที่ที่เกิดจุดความร้อนเฉลี่ยสูงสุดคือทางตอนเหนือของประเทศกัมพูชา แต่พื้นที่ที่พบว่าพื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กเฉลี่ยสูงสุดกลับเป็นพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย
ในช่วงเดือนถัดมาคือเดือนมีนาคมถึงเมษายน พื้นที่เกิดจุดความร้อนเฉลี่ยสูงสุดคือทางตอนเหนือของประเทศลาว ขณะเดียวกันพื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กเฉลี่ยสูงสุดกลับครอบคลุมทั้งภาคเหนือของประเทศลาว และภาคเหนือ ภาคกลาง บางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เกิดลักษณะดังกล่าวคือ กระแสลม ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการพัดพาฝุ่นละอองกระจายไปยังพื้นที่ข้างเคียง ดังนั้นการจัดการกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก นอกจากจะต้องให้ความสำคัญกับจุดความร้อนหรือพื้นที่เผาไหม้ที่เกิดขึ้นในพื้นที่แล้ว ยังต้องติดตามพื้นที่ข้างเคียงหรือประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด เพื่อความเข้าใจภาพรวมสาเหตุของปัญหาและนำมาซึ่งมาตราการการแก้ไขที่ตรงจุด ซึ่งที่ผ่านมาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศเป็นเครื่องมือที่สามารถตอบโจทย์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันมีความร่วมมือสร้างความเข้าใจชั้นฝุ่นละอองที่กำลังปกคลุมเหนือชั้นบรรยากาศไทยไปอีกระดับ ด้วยเซนเซอร์ที่ติดตั้งบนเครื่องบินเพื่อศึกษาการกระจายตัวของมลพิษตามความสูงต่างๆในชั้นบรรยากาศ (vertical profile) และนำมาปรับเทียบกับข้อมูลจากดาวเทียม ทั้งหมดนี้ก็เพื่อศึกษาทำความเข้าใจและหาทางแก้ปัญหามลพิษทางอากาศในประเทศไทยและภูมิภาคแถบนี้ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง NASA ร่วมมือ GISTDA และอีกหลายหน่วยงานในไทย
ด้วยปัจจัยทางสภาพอากาศทั้งสภาพอากาศปิดไม่ระบายและความแห้งแล้งที่กำลังเกิดขึ้น เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เรายังคงต้องเผชิญปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไปอีกสักระยะ เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้การป้องกันที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ปัจจุบันมีแหล่งข้อมูลคุณภาพอากาศมากมาย รวมถึงแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” ที่ให้รายละเอียดคุณอากาศเป็นรายชั่วโมงครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศเนื่องจากวิเคราะห์จากภาพถ่ายจากดาวเทียม เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อการป้องกันและหลีกเลี่ยงอันตรายจากฝุ่นละอองขนาดเล็กไปด้วยกัน
ข้อมูลโดย : สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) :GISTDA (21/3/2567)
มองย้อน..สถานการณ์ฝุ่นและจุดความร้อน..รอบ10ปี | GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)